เชลซี 2 – 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ภาพการแข่งขัน | วีดีโอคลิป
สนาม เวมบลีย์, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 85,896 คน
รายการ คอมมิวนิตี้ ชิลด์
เวลา 21.00 น. วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2552
ผู้ตัดสิน คริส ฟอย
(เชลชีชนะ 4 – 1 จากการยิงลูกโทษ)
แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องงัดเอาทุกกระบวนท่าของทีมออกมาเล่นเพื่อที่จะตามตีเสมอเชลซี ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อคืนที่ผ่านมา จนทำให้ต้องไปตัดสินกันที่การดวลลูกโทษเหมือนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ทีมปีศาจแดงก็พ่ายไป 4 – 1 หลังจากที่เสมอกันในเกม 2 – 2

นานี่ ทำประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อนจากการยิงไกลในช่วง 10 นาทีแรก แต่จากนั้น ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ก็ตามตีเสมอให้เชลซีได้หลังเริ่มครึ่งหลังได้ไม่กี่นาที แม้ว่าเกมนี้จะเล่นเพื่อชิงโล่การกุศลแต่นักเตะของทั้งสองทีมก็เล่นเอาจริงเอาจังกันอย่างเต็มที่ ปาทริซ เอฟร่า ล้มลงเพราะถูกทำฟาวล์โดยการกระแทกน่าเกลียดของมิเชล บัลลัค แต่คริส ฟอย ผู้ตัดสินของเกมก็ปฏิเสธที่จะเป่าหยุดเกม แล้วแฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ได้บอลเข้าไปทำประตูขึ้นนำเป็น 2 – 1 ทำให้นักเตะและแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนไม่พอใจ ทุกคนต่างก็คิดว่าเกมคงจบลงแบบนี้ จนกระทั่งไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นในครึ่งหลังเปิดบอลงามๆ ไปให้เวย์น รูนี่ย์ ได้ยิงผ่านมือปีเตอร์ เช็ค เข้าประตูไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกม ตีเสมอให้แมนฯ ยูไนเต็ดเป็น 2 – 2 ทำให้ต้องไปตัดสินกันที่การยิงลูกโทษ

คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมคนใหม่ของเชลซี เปิดประสบการณ์ครั้งแรกของเขาในเวมบลีย์ และในฟุตบอลอังกฤษ ด้วยการพบกับกุนซือจอมเก๋าอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้ซึ่งเคยถูกอันเชล็อตติพาเอซี มิลาน เอาชนะมาแล้ว 3 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ ลีก
สำหรับทีมปีศาจแดงแล้ว เกมนี้ถือเป็นนัดแรกที่พวกเขาจะได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะรับมือกับการที่ไม่มีทั้งคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และคาร์ลอส เตเวซได้หรือไม่
อย่างที่คาดกันไว้ รูนี่ย์ย่อมได้เล่นเป็นตัวหลักในแดนหน้า และเกมนี้เฟอร์กี้ ส่งดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ลงเล่นคู่กับเขา ในขณะที่จอนนี่ อีแวนส์ ได้ลงเล่นแทนเนมานย่า วิดิช ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ต้องเลือกตัวมาเล่นแทนฟาน เดอร์ ซาร์ ที่บาดเจ็บ เฟอร์กี้ก็เลือกเบน ฟอสเตอร์ ลงเล่น
และฟอสเตอร์ ก็ต้องทำงานตั้งแต่ 2 นาทีแรกของเกมเมื่อต้องรับลูกยิงไกลของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา หลังจากนั้นเชลซีก็เกือบได้ประตู เมื่อพวกเขาได้ลูกเตะมุมในนาทีที่ 6 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้โหม่ง แต่บอลไปโดนหัวเอฟร่า ที่ยืนเฝ้าเส้นประตูอยู่ แล้วพุ่งไปชนคานและกระดอนออกไป แมนฯ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
และแล้วในนาทีที่ 10 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำก่อน เมื่อนานี่ รับบอลมาจากเฟล็ตเชอร์ แล้วเลี้ยงตัดเข้ากลาง ก่อนที่จะยิงเต็มข้อด้วยเท้าขวา บอลโค้งเข้าไปประตูไปอย่างสวยงาม แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1 – 0 ถือเป็นการเริ่มต้นอย่างดีเยี่ยมสำหรับนานี่ และแมนฯ ยูไนเต็ด
ทีมปีศาจแดงยังคงทำเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง และพาร์คเกือบทำประตูที่ 2 ให้ทีมได้ในนาทีที่ 16 เมื่อเบอร์บาตอฟ จ่ายบอลเข้ากลางให้รูนี่ย์ ได้โหม่งชงต่อให้พาร์คที่อยู่กลางประตู แต่นักเตะแดนกิมจิมีเวลาไม่พอที่จะได้ง้างเท้ายิงก็ถูกจอห์น เทอร์รี่ เข้ามาสกัดออกไปได้ซะก่อน จากนั้นอีก 2 นาที เบอร์บาตอฟ ก็เล่น 1 2 กับพาร์ค ทะลุแนวรับของเชลซีไปได้ แต่ลูกยิงของศูนย์หน้าชาวบัลแกเรียก็ถูกปีเตอร์ เช็ครับไว้ได้
แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซี ต่างก็พลัดกันรุกพลัดกันรับ แต่ก็ไม่มีทีมใดทำประตูกันได้ จนถึง 2 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเฟล็ตเชอร์ ก็เกือบประตูที่ 2 ให้ทีมได้เมื่อเขาได้ยิงไกล บอลโค้งและทำท่าจะมุดเข้าสามเหลี่ยมแต่ปีเตอร์ เช็ค ก็ปัดออกไปได้ จบครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ดจึงนำอยู่ 1 – 0
ครึ่งหลัง เกมไม่เหมือนกับครึ่งแรกเมื่อเชลซี เปิดเกมได้ดีกว่า และครองเกมบุกอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเริ่มเกมได้เพียง 7 นาที เชลซีก็ตีเสมอได้ เมื่อฟอสเตอร์ปัดลูกเปิดเข้ากลางของ ฟลอร็องต์ มาลูด้า และตัวเขาไปปะทะกับดรอกบา ทำให้บอลลอยไปเข้าทางคาร์วัลโญ่ ที่วิ่งมาหน้าประตูได้โหม่งโล่งๆ เข้าประตูไป เชลซี 1 แมนฯ ยูไนเต็ด 1
หลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ดก็ต้องเจอปัญหาอีกครั้งเมื่อนานี่ ผู้ทำประตูแรกให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ หลังจากที่เข้าปะทะกับจอห์น เทอร์รี่ ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวออก และเฟอร์กี้ ก็ส่งอันโตนิโอ วาเลนเซีย ลงเล่นแทน ซึ่งถือเป็นการลงเล่นนัดแรกอย่างเป็นทางการของเขากับทีมปีศาจแดง
แต่สถานการณ์ของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังคงแย่ลงไปอีกเมื่อเกิดจังหวะเจ้าปัญหาในนาทีที่ 70 เมื่อบัลลัค กางแขนเข้าขวางเอฟร่า ทำให้เขาล้มลง แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นการฟาวล์ และปล่อยให้เล่นต่อเพราะถือว่าเป็นลูกได้เปรียบ แต่เมื่อเอฟร่า ยังไม่ลุกขึ้น เขาก็ยังคงไม่เป่าหยุดเกม แล้วปล่อยให้เชลซี เล่นกันต่อ โดยการประสานงานกันของ 3 แนวรุก พบกับ 2 แนวรับของแมนฯ ยูไนเต็ด และจบลงที่ลูกยิงของแฟรงค์ แลมพาร์ด เชลซีขึ้นนำเป็น 2 – 1
หลังจากนั้น เซอร์ อเล็กซ์ ก็ปรับเกม โดยส่งตัวสำรองลงมาพร้อมกัน 4 คนได้แก่ ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, ไมเคิล โอเว่น และฟาบิโอ ดาซิลวา ลงเล่นแทน พาร์ค, เฟล็ตเชอร์, เบอร์บาตอฟ และโอเชีย
นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงหงุดหงิดจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิงเอฟร่า และก็ทำให้เขาต้องได้ใบเหลืองจากการเข้าสกัดบัลลัค แต่อย่างไรก็ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังทำประตูตีเสมอไม่ได้ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ รูนี่ย์ก็ได้บอลจากไรอัน กิ๊กส์ และยิงผ่านมือปีเตอร์ เช็ค เข้าประตูไปตีเสมอเป็น 2 – 2 ทำให้ทั้งสองทีมต้องไปยิงลูกโทษชี้ขาด
ฝั่งเชลซีเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อนแลมพาร์ด, บัลลัค, ดร็อกบา และคาลู ยิงเข้าทั้งหมด ในขณะที่ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด คนแรกเป็นไรอัน กิ๊กส์ แต่ลูกยิงของเขาถูกเช็คสกัดไว้ได้ด้วยขา ตามด้วยไมเคิล คาร์ริค ที่ยิงเข้าประตูไป แต่เอฟร่า ซึ่งเป็นคนที่สามของทีมปีศาจแดงก็ยิงเบา และบอลไปเข้าทางเช็ครับไว้ได้สบาย ทีมเชลซีจึงเอาชนะไปได้ 4 – 1 คว้าโล่การกุศลไปครอง (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่น
เชลซี
ปีเตอร์ เช็ค 1
แอชลี่ย์ โคล 3
จอห์น เทอร์รี่ 26
ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 6 ( น.52)
บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 2 ( น.13)
แฟลงค์ แลมพาร์ด 8 ( น.71)
มิคาเอล เอสเซียง 5
ฟลอร็องต์ มาลูด้า 15
จอห์น โอบี มิเกล 12
นิโคลาส อเนลก้า 39
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 11
สำรอง
เอ็นริเก้ ฮิลาริโอ้ 40
จูเลียโน่ เบลเลตติ 35
โบซิงวา 17 น.46 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 2
อเล็กซ์ 33
มิเชล บัลลัค 13 น.65 จอห์น โอบี มิเกล 12
เดโก้ 20 น.77 ฟลอร็องต์ มาลูด้า 15
ซาโลมง กาลู 21 น.83 นิโคลาส อเนลก้า 39
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เบน ฟอสเตอร์ 12
จอห์น โอเชีย 22
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
ปาทริซ เอฟร่า 3 ( น.80)
จอนนี่ อีแวนส์ 23
ไมเคิล คาร์ริค 16
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
พาร์ค จีซุง 13
หลุยส์ นานี่ 17 ( น.10)
ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ 9 ( น.4)
เวย์น รูนี่ย์ 10 ( น.90)
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
ฟาบิโอ ดา ซิลวา 20 น.76 จอห์น โอเชีย 22
ไรอัน กิ๊กส์ 11 น.75 พาร์ค จีซุง 13
พอล สโคลส์ 18 น.75 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
อันโตนิโอ วาเลนเซีย 25 น.62 หลุยส์ นานี่ 17
ดาร์รอน กิ๊บสัน 28
ไมเคิล โอเว่น 7 ( น.86)น.75 ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ 9
สถิติของเกม
เชลซี ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 7, ยิงหลุดกรอบ 4, โดนบล็อค 6, เตะมุม 3, ฟาวล์ 12, ใบเหลือง 1, การครองบอล 47.6%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 6, ยิงหลุดกรอบ 2, โดนบล็อค 3, เตะมุม 5, ฟาวล์ 13, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 3, การครองบอล 52.4%
Por

Related Posts

Max